Monday, March 31, 2008

Call for Papers: ประสบการณ์การพัฒนาภาษา (English Literacy Narrative)

Call for Papers
ประสบการณ์การพัฒนาภาษาถือเป็นหัวข้อแรกของ Engaging English: Online Paper Conference นะครับ สำหรับผมเอง ผมคิดว่าการที่คนที่กำลังฝึกฝนพัฒนาภาษาของตัวเองมีความอยากรู้ว่าคนที่ประสบความสำเร็จในการใช้ภาษาระดับหนึ่ง มีวิธีฝึกฝนตัวเองยังไง มีเทคนิคยังไงในการเรียนภาษากว่าจะมาถึงจุดนี้ได้

ผมอยากจะเชิญชวนเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ร่วมแบ่งปันประสบการณ์การฝึกภาษาของตัวเองเป็นภาษาไทย (เนื่องจากกลุ่มคนอ่านที่ผมอยากให้อ่านจริงๆ คือคนไทยที่กำลังสนใจฝึกภาษา) ความยาวไม่เกิน 1 หน้ากระดาษ A4 โดยหัวข้ออาจจะครอบคลุมถึงหัวข้อ เช่น

(1) ทำไมถึงมาสนใจฝึกฝน (motivation)
(2) เริ่มฝึกด้วยวิธีไหน แล้วมีการเปลี่ยนวิธีหรือเปล่า เพราะว่าอะไร
(3) ปัญหาระหว่างฝึก แล้วมีวิธีแก้ยังไง
(4) คำแนะนำสำหรับผู้ที่กำลังฝึกภาษา เช่น เทคนิคต่างๆ หรือสิ่งที่ไม่ควรทำ เป็นต้น

นี่เป็นแค่ข้อแนะนำนะครับ อาจจะเขียนแตกต่างจากนี้ได้ครับ แต่อยากให้อยู่ใน theme ประสบการณ์การฝึกของตัวคุณเอง

จุดประสงค์

(1) เพื่อแบ่งปันประสบการณ์การฝึกฝนภาษาอังกฤษ
(2) เพื่อเป็นแรงบันดาลใจกับผู้ที่กำลังฝึกภาษาอังกฤษ

ผู้อ่าน
คนไทยที่กำลังหรือสนใจศึกษาภาษาอังกฤษ

ภาษา: ไทย

Deadline: 28 เมษายน 2551

ส่งบทความหรือว่าคำถามมาที่ in.dialogue@yahoo.com ครับ ผมคาดว่าจะปิดรับตอนปลายเดือนเม.ย.นะครับ

เนื่องจากโปรเจคนี้มีผมดูแลคนเดียว คือไม่ได้ทำอะไรเป็นทางการนะครับ เลยจะไม่มี editorial board ผมจะส่งอีเมลล์ไปเชิญชวนพี่ๆ ที่ผมคิดว่ามีประสบการณ์ที่น่าสนใจและหลากหลายมาเขียนนะครับ

ป.ล. ถ้าใครสนใจเป็น editorial board ก็ยินดีครับ ผมไม่คิดว่าจะออกหัวข้อเป็นรายเดือนนะครับ อาจจะนานๆ ที เพราะว่าคงยุ่งๆ กัน ถ้าเห็นประเด็นในสนใจก็จะชวนกันมาเขียนครับ


3 comments:

เมื่อลมแรง...ใบไม้ก็ร่วง said...

test

Unknown said...

สวัสดีค่า

โบว์สนใจปรเจคของพี่ ๆๆๆๆ

เพราะโบว์กำลังเลือกทางเดินชีวิต

และคิดจะเอาดีอย่างจริงจังด้านภาษา(เพราะโง่เลข >.<)

แล้วสมัยนี้ภาษาอังกฤษอย่างเดียวก็ไม่พอแล้ว

แต่แค่English ก็ยัง งูเขียวกะปลาหางนกยูงอยู่เลย

พยายามเร่งฝึกวิชาให้มันเป็นอนาคอนด้ากะปลาปาปิรันย่า

จึงมาสอดแนมหาวิธีเรียนที่..มีกลเม็ดลูกเล่นแพรวพราว

วิทยายุธอะไรสักอย่างที่มัน ทำให้เราจำได้แม่น เรียนรู้เร็ว

อะไรอย่างนี้น่ะค่ะ

ส่วนวิธีการตอนนี้ที่ใช้ก็คือ...ดันทุรังอ่าน ๆ ฟัง ๆ มันเข้าไป

รู้ไม่รุ้มันก็ต้องเข้าสมองมั่งแหละ แล้วบางที ดิกอยู่ใกล้ ๆ มือ ก็

เอามาเปิดอ่าน เปิดหาไอ้ที่ฟังผ่าน ๆ มา

หรือไม่ก็อ่านนิยายoriginalที่เราอ่านฉบับภาษาไทยจนมันเข้าสมองแล้ว

(ซึ่งอ่านไปก็ไม่รุ้เรื่องทั้งหมดหรอกค่ะ แต่มันก็จะมีบางบทที่แบบ อ๋อออ ที่พระเอกมันพูดอย่างนี้ ๆ นี่เอง อะไรประมานนั้น เข้าใจอารมณ์ไหมคะ ^^")

อีกวิธีที่ตอนนี้ทำบ่อยสุด คือ การ์ตูนค่ะ ติดการ์ตูนแล้วมันไม่ออกเล่มต่อสักกะทีนี่ ไม่ไหว ๆ โหลดเลยค่ะ โหลดภาษาอังกฤษมาอ่าน ตัวหนังสือ โล่ง ๆ มีภาพด้วย ค่อยมีกำลังใจกว่าไอ้นิยายที่มันติดกันเป็นพรืดดดดดดดดดดดด เห็นแล้วต๊อแต๊ใจยิ่งนัก)

ปัญหาคือ อ่านหรือฟังพอจะเข้าใจนะคะ แต่ พอจะพูดหรือแต่งประโยคเอง ในหัวมันนั่งคิดtenseให้สับสนวุ่นวายไหมหมด

คือ รับ ได้ดีกว่าการ ปล่อย ออกไป น่ะค่ะ

^^

แล้วจะติดตามนะคะ

Anonymous said...

ขอมาติดตามด้วยคนนะคะ